ข้าพระพุทธเจ้า ภพธร พิมพา



ฉันเกิดในรัชกาลที่ ๙วันพฤหัสบดีที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร ( ร.๙ ) สวรรคต เวลา ๑๕:๕๒ น. ณ โรงบาลศิริราช พระชนมพรรษา ๘๙ ปีทรงครองราชสมบัติได้ ๗๐ ปี#ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป


บอกเล่าประสบการณ์ Backpack เชียงใหม่ - ดอยอ่างขาง - ดอยสุเทพ 3 วัน 2 คืน #งบ 3,000

ดอยอ่างขาง
ปากทางเข้าดอยอ่างขาง


เนื่องจากว่าวันหยุดปีใหม่ได้มีโอกาส หยุดยาวเลยได้วางแผนเก็บเงินไปเที่ยว Backpack กับแฟน จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยแบบไม่มีวันลืมของผมครับ

ดอยอ่างขาง
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่


โดยวางแผนไว้คราวๆ ประมาณนี้ครับ

คืนแรก พักที่ดอยอ่างขาง ว่าจะนอนเต็นกันครับ ที่ สถานีเกษตรอ่างขาง ซึ่งเต็นไม่สามารถจองล่วงหน้าได้ครับ ต้องไปจองด้วยตัวเองที่นั้นเลย

คืนสอง พักที่หอพักหลัง มหาลัยเชียงใหม่ครับ ชื่อ สิริทร วิลล่า ข้อมูลตรวจสอบตรงนี้ครับ http://sirithornvilla.com/

อันตัวผมเองนี้เรียนอยู่ขอนแก่นครับ ดังนั้นเริ่มเดินทางจาก ขอนแก่น ไปที่ เชียงใหม่ซิ โดยจะไปลงที่ สถานีขนส่งผู้โดยสารอาเขต กันครับ

ดอยอ่างขาง
รถทัวเพรชประเสริฐ


  • เดินทางด้วย รถทัวเพรชประเสริฐ ครับเพราะ Feedback ค่อนข้างดีเรื่องการเดินทางและอุบัติเหตุ (ถามว่ากลัวขึ้นดอยไหมกลัวมากครับ หาหนังสือสวดมนตร์ ขึ้นไปสวดบนรถด้วยเลยนะ = ='')
  • แนะนำยาแก้เมารถสำหรับคนชอบเมารถแบบผมด้วยเพราะทางโค้งมาก
  • การเดินทางใช้เวลา ประมาณ 11 ชั่วโมงโดยประมาณ

เมื่อเดินทางถึง สถานีขนส่งผู้โดยสารอาเขต โอ้วว ผมคิดก่อนเลย สาวเหนือจะสวยๆ พูดเจ้าๆ น่ารักเต็มดอยเลยแน่ๆ คุยเพื่อนแฟนผมเลือกที่จะไป ปาย ส่วนผมกับแฟนเลือกที่จะไปดอยอ่างขาง กันสองคนครับ (ดูเด็ดเดี่ยวมาก) ซึ่งตอนแรกตกลงกันว่าจะเช่า มอเตอร์ไซต์เพื่อเดินทางไปดอยอ่างขาง แต่สุดท้ายก็เลือกไป รถบัสดีกว่า เพราะทางมันไกลมากและทางโค้งเหวเยอะ เลือกวิธีที่ เซฟๆ ปลอดภัย ดีกว่าเน๊อะ


หลังจากถึงอาเขตแล้ว ให้นั่งรถประจำทาง สีแดง (สังเกตง่ายมาก) ไปลงที่สถานีช้างเผือก และเมื่อถึงสถานีขนส่งช้างเผือกแล้ว ให้หารถบัสสีส้มๆ และขึ้นรถบัสต่อไปหน้าปากทางเข้าดอยอ่างขางครับ จะได้ แผนเป็นแบบนี้

สถานีขนส่งอาเขต -> สถานีขนส่งช้างเผือก -> ปากทางเข้าดอยอ่างขาง (วัดหาดสำราญ)

นั่งรถบัสมาจุดนี้ก็ใช้เวลา 3 ชั่วโมงครับ นานมากๆ ผมนี้หลับเป็นสโนว์ไวท์ไปเลย
พอถึงหน้าทางเข้าดอยครับ ตอนแรกนึกว่าจะไม่ไกลนะ ดูป้าย 25 กม. ผมนี้อิ้งไปเลย ยังไม่ถึงอีก สาสสส

ดอยอ่างขาง
เดินขึ้นดอยไปด้วย โบกรถไปด้วย

เนื่องจากผมมากับแฟนกันสองคน คงไม่มีวิธีไหนนอกจาก โบกรถขึ้นดอย สิครับรออะไร แต่ทว่าได้พบกับเพื่อนร่วมทาง เพิ่มขึ้น 4 คนครับ เป็นเรื่องบังเอิญมาก ที่คน หาดใหญ่ กรุงเทพ ขอนแก่น จะได้รู้จักและร่วมทางไปด้วยกัน


และเราก็ตัดสินใจโบกรถขึ้นดอย ไปด้วยกันทั้ง 6 คนครับ (ตื่นเต้นมากไม่เคยทำมาก่อน ^3^)
รถ 10 คันจะจอดให้ 1 คันครับ ให้ตายสิพับผ่า ดีนะที่เอาแฟนมาด้วยค่อยมีคนพูดดีๆ อิๆ ซึ่งไปส่งได้ทีละนิด ทีละนิดครับ เพราะเขาไม่ขึ้นดอยกัน อยู่แถวตีนดอยกันทั้งนั้น

เริ่มขึ้นดอย ทางคดเคี้ยวมากครับ ทางโค้งหักศอก หักมุม ยิ่งกว่าหนังจีน (ก็ขึ้นเขาเน๊อะ) พอขึ้นมาได้สักพัก ก็เจอหมอกหนา มากกกกกก !!  ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเจอหมอกหนาขนาดนี้เลยครับ และ มองไม่เห็นรถยนตร์ข้างหน้าเลยทีเดียว คนที่นี้อาศัยใช้วิธีการ บีบแตร เพื่อเช็ครถเอา ซึ่งใจหวิวๆไปครับ กลัวว

ดอยอ่างขาง
ตลาดขายเครื่องแต่งกาย


อากาศหนาวขึ้นเรื่อยๆ แบบหนาวฮวบลงเลย ผมหยิบเสื้อมาใส่เพิ่มแทบไม่ทัน สุดท้ายก็ถึงครับ รถมาส่งที่หน้าทางเข้า โครงการหลวง ซึ่งค่าผ่านเข้าไปชม เสียเงินค่ารถ 50 บาท และคน คนละ 50 บาท ซึ่งผมกะจะเข้าพรุ่งนี้ เลยยังไม่เข้าครับ และหน้าทางเข้าโครงการหลวงไม่มีจุดกางเต้น ทำให้พวกผมต้องเดินกลับขึ้นเนินไปหาจุดกางเต้น ที่ สถานีเกษตรอ่างขาง



เมื่อถึงสถานีเกษตรอ่างขาง ก็เช่าเต็นครับ เต็น 300บาท (รวมเครื่องนอน มี 1 หมอน 1 ผ้าห่ม) เพื่ออะไรไม่รู้ เต้นสองคนจะมี ของนอนให้คนคนเดียว การเช่าเต็นคือต้องให้ไปดูเต็นก่อนครับ ว่ามีเต็นไหนว่างไหม และเราไม่ได้กางเต็นเองนะครับ เขาจะกางให้แล้วเราแค่ไปจองหาเต้นวิวสวยๆ เมื่อผมได้เต็นละก็เช่าเพิ่มเลยครับ มาหมด เสื่อ หมอน ผ้าห่ม

ดอยอ่างขาง
จุดกางเต็นท์สถานีเกษตรอ่างขาง


หลังจากได้เต็นแล้ว พวกผมก็ได้ลงเนินไป ตลาดหน้าทางเข้าโครงการหลวงครับ มันไกลจากที่พักมากเลยต้องโบกรถเข้าไปอีก

เมื่อถึงตลาดแล้ว ที่นี้ ดูไม่ต่างจากตลาดธรรมดา มีของขาย ของเล่น ผลไม้ ผมชอบบวบัวหิมะมากครับ อร่อยดี แต่ของที่นี้ค่อนข้างแพงมาก อาจจะมาจากการขนส่งขึ้นมาที่ดอยทำให้มันแพงมากแต่ละอย่างแทบไม่กล้าซื้อเลยครับ (คนขายน่ารักมากครับ )
ดอยอ่างขาง
ตลาดดอยอ่างขาง

เมื่อเดินตลาดเสร็จแล้วก็เหมารถ คนละ 25 บาทให้เขาไปส่งขึ้นที่จุดกางเต้น แล้วผมเลยคิดว่า เหมาเที่ยวและเหมาให้พาลงดอยดีไหม ไหนๆ ก็มาขนาดนี้ละ สุดท้ายต่อรองได้ 1500 ครับ แบ่งกันคนละ 250 บาท ถามว่าคุ้มไหม ไม่เท่าไหร่ แต่แลกกับความสบาย ก็ต้องยอมครับ อิๆ

ดอยอ่างขาง
ซื้อซาลาเปากับเด็กดอย


หลังจากถึงที่พัก อากาศหนาวมากประมาณ 5 องศาได้ และในช่วงเวลาที่ไปก็ อยู่ในช่วงชื้นมากซะด้วยหลังจากเข้าเต็นท์ได้ พวกผมก็หลับปุ๋ยกันเลยครับ ตื่นมาอีกทีก็ ตี 1 ครึ่ง หลังจากตื่นมา แล้วรู้เลยครับ ขั้วโลกเหนือนั้น มันไม่น่าอยู่เลย หนาวมากกกก !! เต็นท์เต็มไปด้วยน้ำค้างเต็มขอบเต็นท์ ผ้าห่มนี้ยังเย็นเลยครับ กี่องศาไม่รู้ แต่รู้แต่ว่าหนาวมาก แฟนผมนี้เอาซะนอนไม่หลับเลย แล้วหลับไปตอนไหนไม่รู้

ตื่นมาตอน 6 โมงเช้า ประมาณ 10 นาทีได้ พี่ๆเพื่อนร่วมทางได้มาปลุกครับ เหมารถไว้ ได้เวลาออกเที่ยวกันแล้ว

เมื่อล้อหมุนการเดินทาง ท่องเที่ยวดอยอ่างขาง อย่างเต็มที่ ก็เริ่มขึ้น !!
รถพาไปจุดแรกครับ ชื่อ "จุดชมวิวดอยอ่างขาง"
จุดนี้เป็นจุดที่ นักท่องเที่ยวจะมาชมทะเลหมอกกันครับ เพราะช่วงที่ผมมาเสียดายมาก ฝนตก หมอกหนา ทำให้ เมฆหมอก บังพระอาทิตย์ มองไม่เห็นเลยครับ ทุกที่เต็มไปด้วยหมอก ชมจากภาพดูครับ

ดอยอ่างขาง
จุดชมวิวดอยอ่างขาง

ดอยอ่างขาง
ร้านขายกาแฟร้อน


หลังจากเที่ยวชมเสร็จจุดแรก ไปชมจุดที่สองต่อมาครับ เป็นหมู่บ้านชาวดอย ที่ปลูกไร่สตอเบรี่ครับ ผมนี้ตั้งหน้า ตั้งตารอ เที่ยงสวนสตอเบรี่ มาตั้งแต่อยู่ขอนแก่น แต่พบว่า ทางเต็มไปด้วยดินและโคลน ทำให้ไม่สามารถเข้าไปในไร่สตอเบอรี่ได้ สรุปว่า อดครับ อดเห็น TT เสียใจมากก แต่ได้ซื้อสตอเบอรี่ จากชาวดอยไว้ครับ กล่องละ 200 บาท คัดลูกใหญ่เน้นๆ อิๆ ลืมบอกสตอเบอรี่เป็น พันธุ์ 80 นะครับ เปรี้ยวหวาน แซบมากขอบอก

ดอยอ่างขาง
หมู่บ้านเกษตรไร่สตอเบอรี่


พอเที่ยวจุดที่สองเสร็จ ล้อหมุนอีกครั้ง ครั้งนี้รถพาไปเที่ยวที่ชายแดน ไทย-พม่าครับ นั่งรถไป ข้างทางก็เต็มไปด้วยร้านขายของพม่า เต็มไปหมด ตื่นเต้นมากเลยครับ รถจอดลงที่ค่ายทหาร อีกฝังจะเป็นชายแดนพม่า แต่ทว่า เต็มไปด้วยหมอกมองอะไรไม่เห็นเลยครับ เสียใจอีกแล้วว มาช่วงนี้ไม่ฟินเลยย

ดอยอ่างขาง
ต่อคิวซื้อสเตอเบอรี่


ชมวิวเสร็จแล้ว (มีแต่หมอก) รถก็เคลื่อนที่อีกครั้งไปที่ปากทางเข้าโครงการหลวง พวกเราพักกินข้าวกันครับ หนาวมากกก ประมาณ 9 องศา ผมก็สงสัยเหมือนกันชาวดอยเขาอยู่ได้ยังไง แต่เขาคงชินกับอากาศแบบนี้อยู่แล้วมั้ง ชาวดอยน่ารักมากครับ แก้มแดงๆ น่ารัก

เพลิดเพลินกับการเดินตลาดเสร็จกินข้าวเสร็จ ก็ได้เวลาเข้าโครงการหลวงละครับ ซึ่งตามนั้นครับ ค่าเข้า คนละ 50 บาท ค่ารถอีก 50 บาท

เมื่อเข้าไปแล้ว พบกับสวนดอกไม้ สวยมากครับ โดยเฉพาะ พญาเสื้อโคร่ง หรือซากุระเมืองไทยนั้นเอง สวยมากครับ และหนาวมากด้วย บรรยากาศฟินนไปอีกแบบครับ ถ่ายรูปกัน ทั้งวันยังไม่หมดเลยที่นี้

ดอยอ่างขาง
สวน80

ดอยอ่างขาง
พญาเสือโคร่ง

สวนกะหล่ำปลี


และอยากให้ชมอีกที่นึงคือ สวนต้นบ๋วย สวยมากครับ บรรยายเป็นภาพถ่ายละกัน

ดอยอ่างขาง
สวนดอกไม้ ดอยอ่างขาง

ดอยอ่างขาง
ค่ายทหาร ไทย-พม่า


ดอยอ่างขาง
สวนดอกไม้ ดอยอ่างขาง

ดอยอ่างขาง
ต้นบ๋วย




ปิดท้ายด้วยเข้าชมสินค้าของโครงการหลวง ครับ มีเยอะแยะมากมายครับ ของดอยคำเป็นต้น อิๆ
ดอยอ่างขาง
ผลิตภัณฑ์ดอยคำ

จบการเที่ยวชมอยู่ดอยอ่างขางแล้วครับ หมดเวลาสนุกแล้ว รถไปส่งที่ปากทางเข้าดอย รู้สึกว่าผ่านอะไรมาเยอะครับ แต่เวลานั้นผ่านไปแค่วันเดียวเอง สนุกมากและ พี่ๆเพื่อนร่วมทางก็ด้วย พี่น่ารักมากครับ

ดอยอ่างขาง
ลงจากดอยละครับ


หลังจากนั้นนั่งรถโดยสารกลับไปที่สถานีขนส่งช้างเผือกและ บอกลากัน เพราะต้องแยกย้ายกันไปเที่ยวต่อ ไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกหรือป่าว แต่เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ขอบคุณสำหรับความทรงจำดีๆนะครับ

หลังจากแยกย้ายกันแล้วพวกผม นั่งรถแดงกลับสถานีขนส่ง อาเขตต่อครับ คราวนี้ จะเที่ยวในเมืองเชียงใหม่ครับ โดยเช่ามอเตอร์ไซต์ วันละ 200 บาทครับ น้ำมันต้องขับไปเติมที่ปั้มเองครับใกล้ๆ ไม่มีประสบการณ์เรื่องเส้นทางครับ ใช้ GPS ในการนำทางทั้งหมดครับ Google map

ดอยอ่างขาง
เช่ามอไซต์แว๊นเมืองเชียงใหม่


อันดับแรกเดินทางไปที่พัก หลังมหาลัยเชียงใหม่ครับ หอสิริธร คืนละ 390 บาท ราคาก็โอครับ พี่พักอยู่หลังมหาลัยเชียงใหม่นิ ชอบใจเลยครับ อยากลองมา มหาลัยอื่นบ้าง ฮ่าๆ

หลังจากมาถึงแล้ว ก็ลุยกันต่อเลยครับ ลุยถนนคนเดิน เชียงใหม่ที่เขาว่ายาวมาก ลุยเลยครับ ใครอยากไปไวๆ แนะนำให้ GPS นำทางไปพิกัดของโรงแรม Hotel M นะครัชช
ดอยอ่างขาง
ถนนคนเดินเชียงใหม่

ดอยอ่างขาง
ถนนคนเดินเชียงใหม่

เดินไปเรื่อยๆ ตกใจมากครับ ยาวมว๊ากกก เดินไม่ไหวครับ ได้กลับมานอนอย่างสบายในคืนนี้

ตื่นเช้ามาอีกวันนึงพวกผมตั้งใจกันว่าจะไปเที่ยวดอยสุเทพกันครับ ไปด้วย มอเตอร์ไซต์นี้แหละ ฟังดูผจญภัยดีนะครับ แหม๊ ไม่รู้เรื่องเส้นทางเหมือนเดิมครับ ใช้ Google map ในการนำทางเป็นทางหลัก การขี่มอไซต์ขึ้นเขาไปด้วยกันกับแฟน ตื่นเต้นมากครับ ใครคิดจะทำแบบผม ต้องมีสกิลขับรถดีระดับนึงหน่อยนะครับ ระมัดระวังด้วย ขับไปประมาณ 15 นาทีก็ถึงครับ ระหว่างทางมีจุดชมวิวต่างๆ สวยมากครับ

ดอยอ่างขาง
ทางขึ้นดอยสุเทพ

ดอยอ่างขาง
ดอยสุเทพ


หลังจากเที่ยวดอยสุเทพเสร็จก็ ลงดอยมาเที่ยวมหาลัยเชียงใหม่อีกทีครับ สวยมากเป็นมหาลัยที่เห็นภูเขาด้วย ตอนเรียนไป เหม่อมองภูเขาไปคงฟินไม่น้อย 555

เมื่อเที่ยวเสร็จก็หมด ภารกิจที่เชียงใหม่แล้ว ได้เวลากลับขอนแก่นกันแล้วครับ พวกผมเอารถไปคืนที่ร้าน แล้วต้องเหมา รถแดงไปสนามบิน 300 บาท พอถึงสนามบิน ปรากฏว่า ตกเครื่องครับ จิตตกกันไปหมดเลยแต่ไม่เป็นไร ยังมีรถทัวครับ กลับรถทัวก็ได้ (TT น้ำตาไหล) เสียค่าตั๋วไป 990 บาทครับ เหมือนเอาเงินไปโยนทิ้งเลย จำไว้จนวันตายครับ เคสนี้

หลังจากนั้นก็เหมารถแดงกลับมาสถานีขนส่งอาเขต 200 บาท (ต่อเอาครับ 55) แล้วซื้อตั๋วรถทัวขอนแก่น - เชียงใหม่ 611 บาท แล้วนั่งรถกลับมา ขอนแก่นอย่างอมทุกข์เรื่องเงินเล็กน้อย TT

จบแล้วครับ บอกเล่าประสบการณ์ หลายๆ คนถามมาเรื่องค่ากินอยู่ผมกินยังไง อยู่บนดอยผมก็กินปกติครับ มื้อละ 40 - 60 บาท ข้าวกับขนม ใช้ไม่เยอะครับอยู่ที่เราจะประหยัดได้แค่ไหน ของฝากเพื่อนก็เน่าหมดครับสตอเบรี่ เอาแช่เย็นไม่ทัน เสียดาย TT ขอบคุณที่สละเวลาอ่านนะครับ ไปละฟิ้วว !!

สรุปเงินที่ใช้ (ตัดค่าโง่ออก)
รถทัว ทั้งไปกลับ ขอนแก่น-เชียงใหม่  (เครื่องบินแล้วแต่โปรนะครับ) 611 + 611 = 1222 บาท
รถขึ้นที่ สถานีขนส่ง 3 ขอนแก่น ลงที่ สถานีขนส่งอาเขต เชียงใหม่
ค่ารถแดงไป สถานีขนส่งช้างเผือก 40 บาท
ค่ารถบัสไป ปากทางเข้าดอยอ่างขาง 75 บาท
ค่าเต็นท์ 300 เช่าเพิ่ม หมอน 20 เสื่อ 20 ผ้าห่ม 60 = 400 บาท
ค่าเหมารถ ไปเที่ยว ลงดอยอ่างขางด้วย คนละ 250 บาท (จาก 1500 บาท หาร 6 คน)
ค่ารถบัสกลับสถานีขนส่งช้างเผือก 75 บาท
ค่ารถแดงกลับสถานีขนส่งอาเขต 20 บาท (เหมาครั้งแรกโดนชาตครับ TT)
ค่าเช่ารถมอไซต์ 200 บาท เติมน้ำมัน 100 บาท (แนะนำ 50 บาทครับ)
ค่าที่พัก 390 บาท
รวมเป็นเงิน 2182 บาท ที่เหลือเป็นค่าอาหาร ขนม นมเนย อันนี้แนะนำแบบประหยัดเด้อ

ลืมบอกกล้องที่ใช้ถ่ายคือ Asus Zenfone 6 ครับ

ครั้งหน้าจะไปลงทะเลกันละครับ โปรดติดตามชม *~( ̄▽ ̄)~*






ภาษา Java แบบเบๆ [Basic Java Programming]

สวัสดีครับ วันนี้เกิดอารมณ์อยากเขียนสอน เขียนโปรแกรมภาษา Java ขึ้นมา มาเริ่มกันเลยดีกว่า


เตรียมโปรแกรมให้พร้อม

ก่อนเริ่มเขียนโปรแกรมก็ต้องมี โปรแกรมช่วยเขียน กับ รันโค๊ดใช่ไหมครับ
โหลดสองตัวนี้ก่อนนะครับ





- ถ้าไม่ลงเครื่องก็ไม่รู้จักภาษาจาว่าครับ ดังนั้งต้องลงไว้ครับ



Eclipse IDE for Java EE Developers
- โปรแกรมนี้จะช่วยเรื่องในการเขียนภาษาจาว่าให้เข้าใจง่ายขึ้นครับ
ถ้าไม่ลง Java SE Development Kit (JDK) ก็จะรันโค๊ดไม่ได้ครับ





======================================================

สำหรับผู้ที่เริ่มใช้โปรแกรม Eclipse นะครับ

การสร้างไฟล์ขึ้นมาเพื่อเขียนโค๊ด


สร้างโปรเจ๊คขึ้นก่อนนะครับ ส่วนนี้เป็นส่วนเก็บโค๊ด ไม่ได้เป็นส่วนเขียนโค๊ดนะครับ


======================================================



จะได้แบบนี้นะครับกด Finish เลย

======================================================

ได้เป็บแบบภาพบนครับผม ^^

======================================================


ต่อมาจะเป็นการสร้าง class นะครับ ตรงนี้เป็นส่วนที่เราใช้เขียนโค๊ดกันแล้ว

======================================================



Set ให้ได้ตามนี้นะครับ โอเค๊  (ติ๊กตรง public static void ด้วย)
======================================================


จะปรากฏหน้าโค๊ดขึ้นมาถือว่า สำเร็จแล้วครับ 
======================================================

คราวนี้ลองเขียนโค๊ด ให้แสดงข้อความออกทางหน้าจอว่า Hello world ดูนะครับ
======================================================

 เมื่อพิมพ์เสร็จแล้วก็ลองกด ให้รันโค๊ดดูครับ

ถ้าโค๊ดถูกต้องจะปรากฏข้อความ hello world ขึ้นมาทางส่วนล่างของหน้าจอนะครับ
======================================================

ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีครับ เริ่มต้นดีมีชัยไปกว่าครึ่ง สู้ๆ


======================================================

ทำความรู้จักกับชนิดข้อมูล และ คำสั่งเบื้องต้น

ชนิดของข้อมูล เบื้องต้นที่เราจะนำไปไว้ประกาศตัวแปร ว่าจะเป็นชนิดใดนะครับ
  • int   คือ ชนิดตัวเลข เช่น 1,2,3,4
  • double คือ ตัวเลขทศนิยม 0.1 , 0.2
  • char  คือ ตัวอักษร ตัวเดียวเท่านั้น a , b , c
  • string คือ ตัวอักษรที่เรียงกันเป็นประโยค เช่น hello

คำสั่งเบื้องต้น

system.out.print("ใส่ข้อความตรงนี้")   คือ คำสั่งแสดงข้อความ
system.out.println("ใส่ข้อความตรงนี้") คือ คำสั่งแสดงข้อความและขึ้นบรรทัดใหม่

การประกาศตัวแปร

เป็นการประกาศว่าตัวแปรนี้ชนิดเป็นชนิดใด ทำอะไรกับตัวนี้อะครับ

การเรียกใช้ตัวแปรกับคำสั่ง

ก็เรียกตรงตัวไปเลยครับ
ผลรันคือแบบนี้ครับ

การรับค่าตัวแปรผ่านทางแป้นพิมพ์

คือการที่เราใส่ค่าตัวแปรให้โค๊ดของเราเพื่อให้เราสามารถกำหนดค่าได้เอง
  • อันดับแรกเราต้องเพิ่มโค๊ด import java.util.*; บนหัวสุดของเพื่อเรียกใช้ scanner
  • ประกาศตัวรับค่า(Scanner) ในโค๊ดชื่อ sc
  • คำสั่งที่ให้รับค่าเบื้องต้นผม ขอสอนแค่ สองคำสั่งคือ
  • ชื่อตัวสแกน.nextLine();  คือ รับค่าจากแป้นพิมพ์ทั้งหมดที่พิมพ์
  • ชื่อตัวสแกน.next();  คือ รับค่าจากแป้นพิมพ์จนถึงช่วงวรรค (spacebar)



ผลรัน


======================================================

เงื่อนไขและการวนลูป

จะเริ่มจากไหนดี เอาจาก ง่ายๆก่อนละกันนะ if คำสั่งเป็นแบบนี้


if(เงื่อนไข){ให้ทำอะไร?}




จากโค๊ดกำหนดว่า ถ้า a มากกว่า 0 ให้ทำการ แสดงค่า This is a > 0 ทางหน้าจอ

เนื่องจาก a = 1 ดังนั้นเข้าเงื่อนไข if จึงแสดงค่าออกมาก


if แบบซ้อน


if(ใส่เงื่อนไข){ให้ทำอะไร} //ส่วนนี้ถ้าเงื่อนไขตรงกันให้ทส่วนนี้
else if(ใส่เงื่อนไข){ให้ทำอะไร} // ถ้าไม่ตรงกับอันแรกให้ทำส่วนนี้
else {ให้ทำอะไร} //ถ้าไม่ตรงกับใครเลยให้ทำส่วนนี้
ตัวอย่างนะ

ผลรัน



ข้อสังเกตนะครับ 
  • ในการเขียนแบบเงื่อนไข ถ้าจะให้ตัวแปรไหนมีค่าเท่าใดต้องใช้ == เพราะถ้าใช้ = มันเป็นการใส่ค่าให้ให้ตัวแปรครับ
======================================================

SWITCH

คำสั่งนี้เป็นคำสั่งเลือกทำครับ เหมือน if แต่ใช้ในการเลือกที่มากกว่า if 
switch () {
case 1 : ให้ทำอะไร ;break; //ถ้า ค่าที่เข้ามาเป็น 1 ให้ทำส่วนนี้
case 2 : ให้ทำอะไร ;break; //ถ้า ค่าที่เข้ามาเป็น 2 ให้ทำส่วนนี้
case 3 : ให้ทำอะไร ;break; //ถ้า ค่าที่เข้ามาเป็น 3 ให้ทำส่วนนี้
case 4 : ให้ทำอะไร ;break; //ถ้า ค่าที่เข้ามาเป็น 4 ให้ทำส่วนนี้
default: ให้ทำอะไร break; //ถ้าไม่ตรงกับส่วนใดเลยให้ทำส่วนนี้
}

ตัวอย่างนะครับ
ข้อสังเกต
  • ห้ามลืม break; นะครับ ^^ ไม่งั้นจะมันทำงานทุก case เลย 
======================================================

While

เป็นคำสั่งให้วน จนกว่าจะออกจากเงื่อนไข อาจจะงงลองดูโค๊ดก่อนนะ

While (กำนหนดเงื่อนไข ถ้าตรงเงื่อนไขจะวนลูป) {คำสั่งการทำงาน}

ตัวอย่างครับ

ผลรันนิถือว่าไปรันกันดูนะครับ จะได้เข้าใจ ^^

ข้อสังเกต
  • a = a +1; เป็นหัวใจหลักของการทำงานครับ ที่จะทำให้มันหลุดออกจาก ลูป จะเป็นประมาณว่า a =9 อยู่แล้วจะเป็น 1 + 1 = 2 ทำให้ a ครั้งต่อไป  = 2 มันก็ทำงานต่อไปเรื่อยๆครับจน ถึง 10 มันก็หลุดจากลูปแล้ว

======================================================

do..while 

คำสั่งนี้ เราจะไม่รู้ค่าอันดับแรกครับ เราค่อยไปใส่ค่าทีหลังใน โค๊ดคำสั่ง

do{
คำสั่งให้ทำอะไร อย่างไร

}while(เงื่อนไขออกจากลูป)

ตัวอย่างครับ

======================================================

For

คำสั่งนี้ต้องรู้ว่า เราจะวนกี่รอบและกำหนดตายตัวไว้แล้ว

for(กำหนดตัวแปร;กำหนดเงื่อนไขลูป;แล้วค่าใดจะเพิ่มหรือลด;)

ตัวอย่างครับ 

======================================================

Array (อาเรย์)

อาเรย์คือการสร้าง ตัวแปรชนิดหนึ่งให้เก็บค่าได้หลายค่า และเรียงกันเป็นช่องๆ
สมมติให้ อาเรย์ int A มี 5 ช่องใส่ค่าให้เก็บตัวแปร 1 2 3 4 5 6

ข้อสังเกตคือ ตัวแปรที่บอกจำนวนช่อง ต้องเริ่มจาก 0 ก่อน
กาประกาศการใช้งาน

ถ้าไม่ทราบขนาดมาก่อน

ชนิดข้อมูล[] ชื่ออาเรย์;
หรือ 
ชนิดข้อมูล ชื่ออาเรย์[];

ถ้าทราบขนาดมาแล้ว

ชนิดข้อมูล[] ชื่ออาเรย์ = new ชนิดข้อมูล[ขนาด];
หรือ
ชนิดข้อมูล ชื่ออาเรย์[] = new ชนิดข้อมูล[ขนาด];

ตัวอย่าง

 คำสั่งน่ารู้
length เป็นคำสั่งที่ใช้นับจำนวนนั้นเอง ในที่นี้จะใช้ในการนับช่องอาเรย์ครับ
ตัวอย่างวิธีใช้









ผลรันนะครับ





String

คือ สายอักขระ โดยอธิบายคราวๆนะ อักขระ คือ อักษรตัวเดียว ต้องอยู่ในเครื่องหมาย''เช่น 'a' , 'b'
แต่สายอักขระต้องอยู่ใน เครื่องหมาย "" เท่านั้นเช่น "สายอักขระ"
เช่น 
String message = "Hello world"


คำสั่ง String ที่ผมใช้บ่อยนะครับผมรวมมาให้แล้ว

ตัวแปล
หน้าที่
ตัวอย่าง
 length();
นับความยาวของอักขระ
String a = “Mind2bombay”;
int len = a.length();
 trim();
ตัดช่องว่างทางซ้ายสุด และขวาสุดของ String
String a = “Mind2bombay”;
a = a.trim();
 toUpperCase();
ทำให้ตัวหนังสือเป็นพิมพ์ใหญ่
String a = “Mind2bombay”;
a = a.toUpperCase();
 toLowerCase();
ทำให้ตัวหนังสือเป็นพิมพ์เล็ก
String a = “Mind2bombay”;
a = a.toLowerCase();
 substring(int i , int j);
การตัด String ออกมาโดย
i = จุดเริ่มตัด
j = เป็นจุดก่อนถึงจุดนี้ (จะตัดถึงจุด j-1)
String a = “Mind2bombay”;
String a1 = a.substring(0,5);
 substring(int i);
ตัด String ตั้งแต่จุดที่ i
String a = “Mind2bombay”;
String a1 = a.substring(1);

 split(String);
การแบ่ง String ออกเป็นสองส่วนโดยต้อง
สร้างอาเรย์สองช่องด้วย
String a = “Mind2bombay”;
String a2[] = new String[2]
a2 = a. a.split(2);
 replace(String s1,String s2);
การแทนค่า String โดย
s1 =  String ที่ต้องแทนที่
s2 =  String ค่าที่จะแทนที่ไป
String a = “Mind2bombay”;
a = a.replace(“Mind”,“555”);
 charAt(int i)
คำสั่ง เลือก String ตามตำแหน่งออกมากตัวเดียว
String a = “Mind2bombay”;
a = a.charAt(1); //i เพราะ M คือตัว(0)
 indexOf(String s);
หาตำแหน่งของ String และคืนค่ามาเป็นเลขตำแหน่งของ String นั้นๆ
String a = “Mind2bombay”;
a = a.indexOf(“i”); // 1
 lastindexOf(String s);
หาตำแหน่งของ String และคืนค่ามาเป็นเลขตำแหน่งของ String นั้นๆ (หาจากตัวสุดท้ายก่อน)
String a = “Mind2bombay”;
a = a.indexOf(“i”); // 1
 s1.concat(s2);
การนำ String มาต่อกัน
String a = “Mind”;
String b = “2bombay”;
String c = a.contcat(b);

 s1.equals(s2);
การนำค่า Stringมาเทียบกันว่าเหมือนกันทุกตัวไหม
String a = “Mind2bombay”;
String b = “mind2bombay”;
boolean c = a.equals(b);

 s1.equalsIgnoreCase(s2);
การนำค่า Stringมาเทียบกันว่าเหมือนกันทุกตัวไหม แต่อันนี้จะไม่สนตัวพิมพ์ใหญ่พิพิมพ์เล็ก
String a = “Mind2bombay”;
String b = “mind2bombay”;
boolean c = a.equalsIgnoreCase(b);
 startWith(String s);
เป็น การตรวจสอบว่า String นี้เริ่มต้นด้วยค่า อะไร คืนค่าเป็น boolean
String a = “Mind2bombay”;
boolean b = a.startWith(“Mind”);
 endWith(String s);
เป็นการตรวจสอบว่า String นี้ลงท้ายด้วยค่าอะไร คืนค่าเป็น boolean
String a = “Mind2bombay”;
boolean b = a.startWith(“bay”);
 toCharArray();
เปลี่ยน String ให้เป็น char ทีละตัวลงใน array นั้น
String a = “Mind2Bombay”;
char[] b = a.toCharArray();
System.out.println(“b[0]”);
Integer.parseInt(String i );
เปลี่ยน String ที่เป็นตัวเลข ให้เป็นชนิด int
String a = “100”;
int b = Integer.parseInt(a);
Double.parseDouble(String a);
เปลี่ยน String ที่เป็นตัวเลข ให้เป็นชนิด double
String a = “100.00”;
int b = Integer.parseInt(a);
Character.isDigit(char);
จะ รีเทินค่ากลับมาเป็น True ถ้าตัว char ที่ส่งมาเป็น ตัวเลข ถ้าไม่ใช่จะส่ง False มาครับ
String a = “B2”
boolean b = Character.isDigit(a);


เดี๊ยวมาต่อครับ